วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

คันปาก...อยากเล่า (ภาค 3)




เคยสัญญาว่าจะนำรูปมาฝาก...วันนี้ได้เจอแล้ว...หลังจากซุ่มรอมา 2 สัปดาห์แล้ว...ไง..พี่แกหล่อไหม...แกชื่อเชพสุระ...ต้มยำปลาบึก...แห่งลุ่มน้ำโขง...ตอนถ่ายรูปร้านแก..ร้านอื่นเค้ามองกันใหญ่คิดว่าเราเป็นทีมงานมาจากรายการ...ชิมไป...ด่าไป...(เผ็ดมากนั่นเอง)...เวลาถ่ายรูป...พี่แกก็เขินนิดนิด...













ส่วนตาคนนี้มาจากไหนไม่ทราบสังกัด...เดินทะเล้อทะล่าเข้ามา...ทีมงานเราไล่ไม่ทันเลยแอ๊คติดมาด้วย















วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

เทคนิคการเรียนการสอน...ร้องเพลงช่วยจำ

วันนี้ขอนำเสนอข้อมูลที่มีเนื้อหาสาระซะหน่อย...เดี้ยวจะหาว่าไม่มีสาระ...(แน)..เอาเสียเลยเชียว ..เข้าสู่เนื้อเรื่องเลย..สมัยตอนเด็กๆๆ เดี้ยนเรียนที่ ร.ร.ธัมมสิริศึกษาสัตหีบ... (เด็กหีบ 7 ใบ) มีครูผู้สอนท่านหนึ่งชื่อครูสมาน...(อิ..อิ..)..แต่หน้าตาแกหล่อนนา..สอนสนุก การเรียนการสอนของครูสมัยก่อน เค้าใช้วิธีการร้องเพลง การขับร้องเข้ามาช่วย ซึ่งถือเป็นสื่ออย่างหนึ่งเหมือนกัน ช่วยให้นักเรียนจำได้ดีขึ้น วิชาที่แกสอนคือวิชาพุทธศาสนา สมัยนี้ไม่มีเรียนแล้ววว...เด็กจะรู้จักรึเปล่าน้อ...

วันอาสาฬหบูชา
123... วันอาสาฬหบูชา พระปฏิมาแสดงธรรมจักร
กัปวัณสูตรเป็นหลัก แก่ปัจจวัคคีติดตาม
ที่ป่าอิสิปะตนะมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณาสี
อาญาโกณฑัณญะได้เห็นธรรม แล้วได้ขอบวชเป็นพระภิกษุสฆ์
ครบองค์พระรัตนไตรเลิศล้ำ พระพุทธศาสนาเริ่มนำเผยแพร่แก่ไกล...(ซ้ำ)

ยังมีเพลงวันมาฆบูชาอีกน่ะ...พอมาเรียนระดับอุดมศึกษา...เรียนเอกบรรณรักษ์ศาสตร์...ก็เจออาจารย์สอนร้องเพลงอีก...แกสอนเพลงเกี่ยวกับการจัดหนังสือห้องสมุดแบบดิ้วอี้...(หรือระบบทศนิยม)...ก็คือการจัดหนังสือแต่ละหมวดหมู่นั้นเอง...เอาไว้คราวหน้าจะมานำเสนอใหม่
การนำเสนอเป็นบทเพลงนั้น จะช่วยในด้านการจำได้ยาวนานขึ้น....แม้แต่บทพระราชนิพนธ์...
เพลงส้มตำ...ขององค์สมเด็จพระเทพฯ....นอกจากฟังไพเราะแล้ว ยังช่วยให้คนตำส้มตำไม่เป็นก็สามารถทำเองได้น่ะเพียงแต่ร้องเพลงให้ถูกก็แล้วกัน...ครู รร.พธ.ฯ ของเราก็น่าจะแต่งเป็นบทเพลงใช้ในการสอนบ้างก็จะดีน่ะ...เช่น แกงเขียวหวาน...แกงเหลือง...แกงส้มเบญจพรรณ...ต้มข่าไก่...กล้วยบวดชี...เวลาเด็กมาสอบสมัครต่อฯ จะได้ร้องเพลงไป...ทำไป...ครูก็ฟังไป...ชิมไป...บ่นไป...ให้คะแนนไป...ฮ่าดี

วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

ร่วมส่งนาวิกโยธินกลับสู่มาตุภูมิ

วันนี้..จะขอแนะนำภาพยนต์เก่า...แกะกล่องมาฝาก เป็นภาพยนต์ที่ดีมากมาก ..ดูแล้วให้รู้สึกประทับใจ ให้ความรู้สึกที่ดี สื่อให้เห็นถึงความเอาใจใส่ต่อกำลังพลในกองทัพของประเทศมหาอำนาจ ดูเรื่องนี้ 2 ครั้งแล้วและจะไร้ทเก็บไว้ด้วย ชื่อ TAKING CHANG นำแสดงโดย เควิน เบคอน (อร่อยซะด้วย)

เรื่องก็มีอยู่ว่า...พระเอกของเรื่องเป็นทหารนาวิกโยธินของสหรัฐอเมริกา ชั้นยศนาวาตรี เป็นทหารที่ปฏิบัติงานอยู่ในเมือง (ไป-กลับ) อยู่กับลูกเมียที่แสนจะอบอุ่น เช้าไปทำงาน เย็นก็กลับบ้าน สอนลูกทำการบ้าน

แต่ในขณะเดียวกันก็มีทหารส่วนหนึ่งที่ไปรบ...ในแต่ละสมรภูมิ ซึ่งเสียชีวิตกลับมา พระเอกของเรื่องจึงขอปฏิบัติภารกิจในการส่งศพทหารนาวิกโยธินที่ไปรบในอิรัก กลับสู่มาตุภูมิให้อย่างสมเกียรติ...(อาสาไปเพราะรู้สึกว่าตนเองทำงานสบายเกินไป) ศพที่ไปส่งชื่อ พลทหาร แชนท์ เป็นพลเดินเท้า ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มที่สมัครใจไปรบในอิรัก ศพทุกศพที่นำกลับมาที่ฐานทัพ จะได้รับการจัดเก็บอย่างดี ตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดศพ ก็ทำอย่างปราณีต ทะนุถนอม มีขั้นตอนการเก็บรักษาอย่างดี ของใช้ส่วนตัวที่ติดตัว ก็จะถูกทำความสะอาด เช่น นาฬิกา แหวน สร้อยคอ จะเก็บคืนให้กับครอบครัว ผู้ที่เป็นที่รัก ที่อยู่ข้างหลัง เช่น บิดา มารดา ภรรยาและลูกๆ ขั้นตอนการตัดเย็บเครื่องแบบให้กับศพ แพรแถบ เหรียญ เข็มขัด ทุกสิ่งทุกอย่างที่สวมใส่ให้กับศพนั้น ล้วนทำด้วยความปราณีตเอาใจใส่ โดยทหารนาวิกโยธินแผนกหนึ่ง

การปฏิบัติทุกขั้นตอนจะต้องให้ความเคารพ และให้เกียรติอย่างสูงแก่ศพ พระเอกจะต้องนำศพขึ้นเครื่องบินและนั่งรถไปส่งยังบ้านเกิด จำไม่ได้ว่ารัฐอะไร...(ต้องดูเอง) ระหว่างทางจะต้องพักเป็นช่วง ๆ เนื่องจากระยะทางไกล ผู้ส่งศพต้องอยู่เป็นเพื่อนศพตลอดเวลา ในระหว่างการเดินทางโดยรถยนต์ เมื่อมีผู้พบเห็น...(สังเกตุจากธงชาติที่คลุมโลง) จะให้เกียรติเปิดไฟหน้ารถ และขับตามหลังเข้าขบวนนำศพไปส่งด้วย

ตลอดทางจะได้รับการให้เกียรติจากผู้พบเห็นโดยตลอด ภาพยนต์เรื่องนี้...บทสนทนาจะไม่มีมากนัก อาศัยการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกซะมากกว่า ต้องชม...ต้องชม...ขอบอก ดูแล้ว...ให้คิดถึงจ่าเพียรของเรา
ข้อสังเกตุจากภาพยนต์
การทำความเคารพศพทหารที่เสียชีวิตนั้น พระเอกจะทำวันทยาหัตรอย่างช้าช้า...(เหมือน slow) แตกต่างกับการทำความเคารพต่อกัน หรือกับ ผบ.ชา ไม่ทราบว่ามีนัย...อันใดหรือไม่ ถ้าใครทราบโปรด
โต้ตอบด้วย...เมย์เด...เมย์เด...ตอบด้วย... ท่านใดสนใจหาชมได้ที่...tudtu พาราเม้าท์ picture
รุกรันฟันฝ่าในธาราสีคราม.....สมเป็นดังนามราชนาวีไทย
......................................... .........................................
......................................... .........................................
น.ย.เกรียงไกรไว้ลาย....... (เริ่มมั่วแล้วจบดีฝ่า)....

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

คันปาก...อยากเล่า (ภาค 2)

ต่อจากความเดิมตอนที่แล้ว...วันที่ไปตลาดนัดมาไง...จำได้รึยัง เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...เดี้ยน..ชอบไปชอบปิ้งที่นัด...(ตลาดนัด) เดินมันทุกนัดที่มีโอกาส จนสามีกัดว่า...ไปเก็บค่าแผงอีกแล้วเหรอ... ฮึ..(ค้อนหนึ่งตลบ)เห็นเราเป็นคนคุมแผงไปได้ ที่ไปนะก็ไม่ใช่อะไรหรอก..ถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง...เป็นการฝึกต่อรองตัวประกัน..เอ้ย..ราคาสินค้า ต้องเฉือดเฉือนวาทะ...กลยุทธ์ต่างๆงัดขึ้นมาต่อรอง...(ราคา 20 บาท )..ภูมิใจมันซะไม่มีอีกประการหนึ่งก็จับจ่ายใช้สอย..จัดซื้อจัดหาควบคุมแจกจ่ายจำหน่าย...ว้ายไม่ใช่ จัดซื้อเสบียงสด-เสบียงแห้ง..เอาเข้าไป..บ้าไม่หยุด...ซื้อเสบียงเข้าบ้านจ้า เช่นผลไม้ต่างๆ กับข้าว และก็ผักนินิหน่อยหน่อย
ก็รู้อยู่แล้วคำว่า..ตลาดนัด...ก็หมายถึงแม่ค้าพ่อค้าและก็ลูกค้า..เค้านัดกันมา..เป็นไงมีสาระซะไม่มี ไม่รู้หมายถึงจะได..ต้องไปถามเจ้าอาทิตย์ว่าภาษาอังกฤษมันซิแปลว่าอิหยัง...เอาเป็นว่าสินค้าที่นำมาจำหน่ายจะราคาถูก..มีขายทุกชนิดทุกยี่ห้อ..ตั้งแต่สากกะเบือ...ยันเรือรบ...(โมเดลของเล่นจ๊ะ) มีเฟอร์นิเจอร์ ไม้มะค่า มะโมง ไม้สัก เครื่องประดับ มือถือ เสื้อผ้า รองเท้า ของใหม่ของเก่า จักรยาน กีตาร์ พระเครื่อง กับข้าว ผักสด ผลไม้ น้ำปั่น สาโท..(ยังมีเล้ย) ลูกหมาก็ขาย นกปรอทหัวจุก นกแก้วก็มี...ที่เนี้ยสุดยอดแล้ว ถ้วยชามรามไห ปลาไหลปลาแดก...โอ้ยมีสารพัด..เหนื่อย แม้กระทั่ง โตโยต้า อีซูซุ ก็ยังมาเปิดบูท
แต่ก็ตามธรรมชาติของตลาดนัดเค้านะ ทราบกันดีอยู่แล้ว...ของจะดีมีคุณภาพหรือไม่ ไม่มีใครมาควบคุมตรวจสอบ...ความพึงพอใจ..อยู่ที่ผู้บริโภคเท่านั้น...เลือกซื้อเองก็แล้วกัน การค้าขายของพ่อค้าแม่ค้าแต่ละคนจะมีลีลาเทคนิค กลยุทธ์ในการขาย ออกมาประชันกัน
ที่สาธยายมาซะท่วมทุ่งนี่...ก็จะเล่าให้ฟังว่า...ไปประทับใจอยู่ร้านนึง...(ไม่ได้เจอโจทย์อย่างที่ nonaสงสัยดอก)...เป็นร้านขายกับข้าวประเภทต้มยำ...เป็นต้มยำ..ปลาบึกกกกก...ตัวหย่ายย..ผู้ขายนำเสนอสินค้าของตนเอง..ได้เฉียบมากส์...เห็นแล้วโดน..แกเอาซากปลาบึกที่ยังคงมีหัวอยู่...ลำตัวเป็นก้าง...(เอ๊ะจะให้เป็นไหปลาร้าซี่โครงรึไง)...ล้อเล่น...จากนั้นก็ตามมาด้วยหางปลา..แกนำมาแขวนโชว์ด้านหน้าร้านแทนป้ายชื่อร้านนั่นเอง..ตัวมันใหญ่โตมากก..(ทำตาโตด้วย)...ย้ำอีกที..โคตรใหญ่เลยย...แกโชว์กันให้เห็นๆเลยว่าเป็นปลาบึกสดสดกันที่เดียว..ส่วนเนื้อก็ได้แล่นำมาทำเป็นต้มยำที่ขายไง..
มาสะดุดตาตรงที่คนขายอีก...โอ้วววว...คนขายแกไม่ธรรมดา...ไม่เหมือนตามธรรมชาติของพ่อค้าแม่ค้าตลาดนัดเอาเสียเลย...มันช่างเท่ห์ซะไม่มี...แกขายกันอยู่ 2 คน...ชุดที่แกสวมใส่..ช่างไม่เหมือนกับชาวบ้านเอาซะเลย...(แกไม่ได้แก้ผ้าน่ะอย่าคิดมากจ๊ะ)...แกแต่งชุดเชพเลยล่ะ...(ชุดสีขาว)...ใส่หมวกที่เชพเค้าใส่กันนั้นแหละ ทรงสูงๆ ...กางเกงดำ...โอ้วววว...มองไปแล้วช่างไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้าซะเลยยย...เป็นร้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพ่อค้าแม่ค้ารายอื่นๆที่สับสนวุ่นวาย...แต่ร้านแกโดดเด่น...เป็นสง่า...เป็นยูนิฟอรม์...ที่ช่างขาวโอโม่..ซะไม่มี...ราวกับเชพกะทะเหล็กที่กำลังแข่งขันอยู่ในห้องส่งยังไงยังงั้น...(ตั้งใจจะบอกว่าแกโดดเด่นมาก)
นี่แหละจุดขายของแก..ซึ่งไม่ก๊อปใคร..เห็นที่แรกก็ตกใจ...เห็นครั้งต่อมาก็ขำ...เห็นบ่อยๆ...ก็ให้คิดได้...นี่แหละ...service mind...สิ่งที่ผู้ให้บริการนำเสนอมอบให้กับผู้บริโภคโดยทางอ้อม

สิ่งที่ผู้บริโภคได้รับ
1. ความสุข...(จากภาพลักษณ์ที่เห็น)...ในการได้รับบริการ
2. มีความมั่นใจในผลิตภันฑ์ที่ซื้อ
3.ความเชื่อในจรรยาบรรณวิชาชีพของผู้ปรุงอาหาร(จากการแต่งกาย)
4.มีสิ่งที่ดีมอบให้ลูกค้า

( โปรแกรมหน้าต่อภาค 3 พร้อมบันทึกภาพมายืนยัน )

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

อาถรรพ์ ศุกร์ 12

ที่จริงวันนี้นะ...เราต้องปฎิบัติภารกิจลับซึ่งได้รับการมอบหมายให้ขึ้นไปปักธงที่...ยอดเขาคิชกูดจ๊ะ

อุตสาห์เคลีย์งานให้นาย เตรียมงานตัวเองแล้ว จัดโต๊ะซะสะอาดเรี่ยมเร้เรไร...(ซุกอยู่ใต้โต๊ะ) หลังจากนั้นก็เขียนใบลาพักผ่อนมุ่งไปปฏิบัติภารกิจที่เขาคิชกูด

มูลเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดวาระซ่อนเร้นมี 3 ประการด้วยกัน

1.ครูมณี...ขออนุญาตท่านประธานพาดพิงหน่อย แกบอกว่าปีนี้ปีเสือเค้าให้ไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่สูงๆแล้วจะดี เค้า...ที่ว่าของครูมณีเป็นใครก็ไม่อาจจะทราบได้

2.ตั้งใจจะไปมา 3 ปีแล้วตั่งแต่สมัยเรียน อส.เพือนๆ ชวนกันไปก็ไม่ได้ไป และก็พลาดมาทุก ๆปีนี่แหละ

3.เผอิญพระสวามี ปีเกิดชงกับปีเสือ เค้าว่า...ดวงจะไม่ค่อยดีให้ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซะบ้าง

แถมอีกประเด็นคือ เค้าจะปิดเขาในวันที่ 16 มี.ค.นี้

สรุปก็มีวาระซ่อนเร้นอยู่ 3 ประการ

0730 น. ตื่นขึ้นมาฟังข่าวเฮียสรยุทธกับเจ้กุ๊กไก่ ดูข่าวคราวความเคลื่อนไหวของบ้านเมือง

0800 น. นึกขยันก็รื้อผ้ามารีด รวมทั้งชุดที่จะเตรียมไปปีนเขาด้วย

0830 น. ได้ยินเสียงประหลาดมาพักนึงแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนใจ พอดังอีก คราวนี้ก็เริ่มเดินหาที่มาของเสียง

ต้นเสียงดังมาทางสนามฟุตบอล ก็เลยชะโงกไปดูที่ระเบียงก็เห็นตัวอะไรก็ไม่ทราบได้ ติดดิ้นอยู่ที่ตาข่ายประตูฟุตบอล เมื่อเห็นดังนั้นก็สวมวิญญาณหน่วยกู้ชีพ...ฉุกเฉิน ทันที วิ่งลงมาชั้นล่างพร้อมกับใส่เสื้อเจ็คเก็ตคลุมชุดนอนอีกที ปากก็ตะโกนบอกสามีที่นั่งขัดปืนอยู่บนเตียง...(ขัดมันทั้งวัน อ้าวไม่ใช่ขัดปืนเหรอ) จากนั้นก็รีบวิ่งไปดูสถานที่เกิดเหตุ ก็พบสิ่งที่ติดพันอีรุงตุงนังกับตาข่าย มิใช่ปลาบึก...ปลาช่อน ดอกครับ แต่เป็น หมาน่อยหมาน่อยธรรมดา พอเข้าไปใกล้มันมันก็ตกใจเรา... เราก็ตกใจมัน...(ทำท่าสะดุ้งทั้งคู่..บ้าแล้ว) หมาน้อย ตกใจเพราะเราดันแต่งตัวรุ่มร่าม...ส่วนเราตกใจ เพราะว่ามันมาตกใจก่อนทำไมละ...(ไม่ใช่หรอก) เพราะไม่รู้จะช่วยมันยัง ดูจากสภาวะแวดล้อมแล้ว ตาข่ายพันที่บริเวณคอ ที่หลัง ที่ขา มันต้องเข้าไปจับตัวเจ้าหมาน้อยอย่างเดียว คิดได้ดังนั้น ก็... ถอดเสื้อมาพันไว้ที่เอวก่อน มันคงจะไม่ชอบที่เราแต่งตัวไม่สุภาพ จากนั้นก็สร้างความคุ้นเคยกันก่อน ชวนคุยโน่นคุยนี่ บ๊อกๆๆๆๆๆๆๆโฮ่งๆๆๆๆๆๆ แปลว่า เจ้ามาจากไส..จะไปไสน่อ...ซื่ออิหยัง...ข่อยมาซ่วยแล้วเนาะ...บ่ต้องกลัว...เฮาพวกเดียวกั่น... ประมาณนี้แหละ ปรากฏมันฟังฮูเฮืองเด้อ เราก็เข้าไปลูบหัวลูบหางสร้างความมั่นใจให้มัน เจ้าหมาน้อยก็ยินยอมแต่โดยดี จากนั้นก็เรียนผูกเรียนแก้อยู่พักนึง ระหว่างนั้นก็มีคุณยายที่แฟลตเดียวกับเรามายืนช่วยให้กำลังใจ เราทำอยู่คนเดียว แก้ไม่ออกก็ตะโกนเรียกสามีให้เอากรรไกรมาให้ที เพราะบ้างส่วนมันรัดแน่น ก็แกะอยู่พักนึง จึงหลุด ในระหว่างที่แกะอยู่นะ...คิดว่า....ถ้าเช้านี้โดนหมากัดแหละก็...จะไม่ออกนอกบ้านไปไหนเลยเชียว เพราะถือว่าซวยแต่เช้า สรุปเจ้าหมาน้อยนั้นก็หลุดออกจากพันธนาการ ตาข่ายประตู แต่ก็ไม่สามารถลุกวิ่งได้ หมดเรี่ยวแรงนั่งแหมะอยู่ เราก็เลยต้องอุ้มมาไว้ใต้ถุนแฟลต หมาน้อยเป็นอิสระแล้วก็ลุกวิ่งกลับบ้านสบายใจ...ไม่รู้บ้านอยู่ไหนเห็นวิ่งไปทางร้านลุงพร...(ต้นมะยม) The End จบ แต่แด้นๆๆแต่แด้นท์ๆๆ

เสร็จภารกิจก็ขึ้นบ้าน รีดผ้าต่อ...ฮัมเพลงไปด้วย....จัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทาง...ฮัมเพลงอย่างมีความสุข..ฮืฮ..หือ...ฮา..ฮ้า.. ตะโกนสั่งพระสวามีที่อยู่ด้านล่างให้เตรียมแผนการเดินทางด้วย..(คือหาข้อมูล ร้านอาหาร ที่พัก...) จากนั้นก็มีเสียง โทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องเรา ฮัลแหล..ไม่ทราบใครโทรค้า... คนโทรก็บอกว่า ..แต๋มเองพี่ตู่ ครีมทาหน้าที่พี่ตู่สั่งได้แล้นน่า.. แนะนำก่อน ..แต๋มนี่คือน้องสาวคนที่ 2 เราก็บอก..เหรอแล้วไง...หล่อนก็ถามว่า...พี่ตู่จะมาเอาครีมเมื่อไหร่ ...เราก็บอกเอาไว้ก่อน...ที่จริงวันอาทิตย์ที่ 14 นี้ เป็นวันเกิดเจ้าหล่อน หล่อนคงโทรมาหยั่งเสียงเราว่าจะกลับไปบ้านรึไม่...(ปากเกร็ด)...(นังคนนี้แผนสูงเชียว)

หล่อนถามว่า...พี่ตู่อยู่ที่ทำงานรึป่าว..(สงสัยได้ยินเสียง T.V.) เราก็ตอบตามจริงว่าป่าว...ลาไว้...จะไปขึ้นเขาคิชกูด ต้องไปวันนี้ เผื่อเสาร์ - อาทิตย์ มีเหตุ...ต้องรีบกลับกรมกอง...(เวอร์ไปงั้นแหละ) แต๋มมันก็บอกว่า...ไม่ไปไม่ได้เหยอ...เราก็ถามทำมัยย...มันก็บอกว่าฝันไม่ดี...เราก็ถามไม่ดียังงัยยย... ที่นี้มันก็เล่าเป็นเรื่องราวเลย..บอกว่า..พี่ตู่เครื่องบินตก ตายยยยย....(เราก็คิดว่า...ไปคิชกูดเนี้ยนะ..นั่งสายการบินอะไรฟะ) มันก็เล่าต่อ เสร็จแล้วก็เอาศพมาตั้งสวด..จัดงานศพ..เผาศพ..มีเก็บกระดูกด้วย...ร้องไห้กันใหญ่...เอากับมัน..ฝันครบวงจรเลย ..มันบอกว่าฝันติดตา..ตื่นเช้ามาก็ไม่ลืมแถมบอกว่า ถ้าฝันแบบนี้แล้วจะแม่น...มันยังย้ำความแม่นให้ฟังอีกว่า..เคยฝันอย่างนี้กับ..แม่แฟนคนเก่ามันมาแล้ว...ปรากฏ...อนาคตแม่สามีมัน...ตายยยยจริง ๆ เอากับมันซิแช่งเค้าจนตายเลยยย...

เราก็บอกว่าตั้งใจไปมา 3 ปีแล้ว ทำไมเธอไม่ฝันเวลาอื่นล่ะ..มันก็บอกว่า..พี่ตู่ขึ้นเขาเชียวน่ะ เราก็นึกถึงคนที่ไปมาแล้ว...ไอ้ณุ..ลูกน้องเราเอง..มันบอกว่า....จะไม่ไปอีกแล้ว..เพราะขึ้นเขาแนวดิ่ง 45 องศาเลยทีเดียว และต้องขึ้นรถโฟว์วิลว์ 2 ทอดกว่าจะถึงยอดเขา หลังจากวางหูเสร็จก็วิ่งลงมารายงานพระสวามีที่นั่งหาข้อมูลอยู่ ก็เล่าให้ฟัง..แจ๊ด..แจ๊ด..แจ๊ด...ฉอด..ฉอด..ฉอด...อย่างงั้น..อย่างงี้..สามีก็บอกว่าไม่มีอะไร..ไปเถอะ...ฟังเรารู้เรื่องด้วย ความอยากไปนะมีมากแต่พอนั่งคิดสักพักก็คิดได้ว่า..นก หนู หมูหมา กาไก่ จิ้งจกทักยังต้องฟังเลย...นี่คนทักทั้งคน...ไม่ไปดีฝ่า...ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ไปปีหน้าก็ได้...เขามันไม่หนีไปไหน...ยังไม่มีใครระเบิดทิ้ง ไปปีหน้าก็แล้วกัน...เป็นงัย..เหตุผล..เข้าท่าซะไม่มี..ไม่ได้กลัวนะ สรุป ...เดินขึ้นบ้านไปรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเก็บเหมือนเดิม...ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....นี่แหละความลับของ ศุกร์ ที่ 12 ฝันหวาน..เข้าฉายโปรแกรมหน้าจ้า

วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553

ทัวร์วังน้ำเขียว

ไปเที่ยววังน้ำเขียว อยากไปสวนลุงไกรจัง แต่ผู้ปกครองไม่ยอมพาไป

คราวหน้าต้อง(หนี) ไปให้ได้

แล้วจะนำรูปมาฝาก

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

คันปาก....อยากเล่า

วันนั้นน่ะไปเดินตลาดนัด เจอะ........เดี้ยวมีเล่าต่อ